การขึ้นทะเบียนรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

การขึ้นทะเบียนรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
(รับขึ้นทะเบียนทุกเดือนพฤศจิกายนของทุกปี)
ตั้งแต่วันที่ 1- 30 พฤศจิกายน ของทุกปี  ในวันและเวลาราชการ
คุณสมบัติของผู้มีสิทธิรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
1. สัญชาติไทย
2. มีอายุ 59 ปีบริบูรณ์ขึ้น  (ในกรณีทีทะเบียนราษฎร์ระบุเฉพาะปีเกิด  ให้ถือว่าบุคคลนั้นเกิดวันที่ 1 มกราคมของปีนั้น เช่น เกิด พ.ศ. 2497  ให้ถือว่าเกิด วันที่ 1 มกราคม 2497
3. มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตเทศบาลเมืองชะอำ
4. ไม่เป็นผู้ที่ได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ  รัฐวิสาหกิจ  หรือเทศบาล  อบต.  ได้แก่ ผู้รับเงินบำนาญ  เบี้ยหวัด  บำนาญพิเศษ  หรือเงินอื่นใดในลักษณะเดียวกัน ผู้สูงอายุที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  ผู้ที่ได้รับเงินเดือน  ค่าตอบแทน  รายได้ประจำ  หรือผลประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่รัฐหรือเทศบาล อบต.  จัดให้เป็นประจำ  ยกเว้นผู้พิการและผู้ป่วยเอดส์ตามระเบียบ 

ใช้เอกสารอะไรบ้าง ?
1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน    จำนวน      1    ชุด
2. สำเนาทะเบียนบ้าน                   จำนวน      1    ชุด
3. สำเนาสมุดบัญชีเงินฝาก(ออมทรัพย์)    จำนวน      1    ชุด

ผู้อื่นยื่นเอกสารแทนผู้สูงอายุได้หรือไม่ ?
สามารถยื่นเอกสารแทนผู้สูงอายุได้  และหากผู้สูงอายุมีความประสงค์โอนเงินเข้าบัญชีผู้อื่น  ต้องมีหนังสือมอบอำนาจ  ตัวจริงพร้อมสำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้รับมอบอำนาจ อย่างละ 1ชุด

ยื่นเอกสารแล้วจะได้รับเงินเมื่อไหร่ ?
ผู้สูงอายุที่ขึ้นทะเบียนไว้  ตั้งแต่วันที่ 1 – 30  พฤศจิกายน  ของทุกปี  จะได้รับเงินเบี้ยยังชีพ เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม ของปีถัดไป (ไม่มีการจ่ายย้อนหลัง)

ผู้สูงอายุแต่ละคนจะได้รับเงินเท่าไร ?
ปัจจุบันได้จ่ายแบบขั้นบันได  ดังนี้
อายุ  60 – 69 ปี   จะได้รับ   600  บาท
อายุ  70 – 79 ปี   จะไดัรับ   700  บาท
อายุ  80 – 89 ปี   จะได้รับ   800  บาท
อายุ  90 ปีขึ้นไป  จะได้รับ  1,000  บาท

หมายเหตุ   ในกรณีผู้สูงอายุที่มีสิทธิรับ เงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุย้ายทะเบียนบ้านให้เทศบาล  หรือ อบต. ที่เคยจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดิมยังคงจ่ายเบี้ยยังชีพ  ผู้สูงอายุตนกว่าจะสิ้นสุดปีงบประมาณนั้น  คือเดือนกันยายน  หากมีความประสงค์จะรับเบี้ยยังชีพกับเทศบาล  หรือ อบต.  แห่งใหม่  ต้องไปจดทะเบียนเพื่อขอรับเบี้ยยังชีพที่เทศบาลหรือ อบต. แห่งใหม่  ภายใน 1 – 30 พฤศจิกายนของทุกปี  และเริ่มรับเงินที่ใหม่ในเดือนตุลาคม ของปีถัดไป

เอกสารต้องลงลายมือชื่อ สำเนาถูกต้องทุกฉบับ  ผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเขียนได้  ให้พิมพ์ลายมือแทน

การขอรับเงินสงเคราะห์ในการจัดการศพผู้สูงอายุตามประเพณี
การสงเคราะห์ในการจัดการศพผู้สูงอายุ  หมายถึง  การช่วยเหลือเป็นเงินในการจัดการศพผู้สูงอายุตามประเพณีรายละ  2,000 บาท   การสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณีนั้น

ผู้สุงอายุที่เสียชีวิตต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
1. มีอายุเกิน 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
2. มีสัญชาติไทย
3. มีชื่ออยู่ในเขตเทศบาลเมืองชะอำ

การยื่นเรื่องขอเงินสงเคราะห์การจัดการศพตามประเพณี

ผู้ยื่นคำขอต้องเป็นบุคคลที่รับผิดชอบในการจัดการศพผู้สูงอายุ  โดยต้องยื่นคำขอที่เทศบาลเมืองชะอำ  หรือสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเพชรบุรี (ศาลากลางจังหวัดเพชรบุรี)  ในวันทำการ

ใช้หลักฐานอะไรบ้างในการยื่นคำขอ ?
1. ใบมรณะบัตรของผู้สูงอายุฉบับจริง  พร้อมสำเนา  2  ชุด
2. บัตรประจำตัวประชาชน  ผูุุุ้ยื่นคำขอ  พร้อมสำเนา  2 ชุด

สำคัญมาก
ผู้ยื่นคำขอรับการสงเคราะห์จัดการศพผู้สูงอายุตามประเพณีต้องยื่นคำขอภายใน 30 วัน   นับตั้งแต่วันที่ออกใบมรณะบัตร

ชมรมผู้สูงอายุ  เทศบาลเมืองชะอำ
เทศบาลเมืองชะอำ ได้จัดตั้งชมรมผู้สูงอายุ  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้มีกิจกรรมรวมกลุ่มของผู้สูง อายุของเทศบาลเมืองชะอำ  อันก่อให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้สูงอายุทั้งด้านร่างกาย  และจิตใจเพื่อให้ผู้สูงอายุเข้าถึงกิจกรรมของชมรมผู้สูงอายุ   จึงขอประชาสัมพันธ์ผู้สูงอายุเพื่อให้ผู้สูงอายุเข้าถึงกิจกรรมของชมรมผู้ สูงอายุ  รายละเอียดการสมัครดังนี้
  คุณสมบัติของผู้สมัครเข้าร่วมชมรมผู้สูงอายุ
1. ผู้สมัครต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป
2. มีชื่ออยู่ในทะเบียนเทศบาลเมืองชะอำ

เอกสารประกอบการรับสมัคร
1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน   จำนวน  1  ฉบับ
2. สำเนาทะเบียนบ้าน  จำนวน  1 ฉบับ
3. รูปถ่าย 1 นิ้ว  จำนวน  2  รูป
สิทธิประโยชน์ของชมรมผู้สูงอายุเทศบาลเมืองชะอำ
1. การได้รับความสะดวก  รวดเร็ว  ในการติดต่อกับทางเทศบาลเมืองชะอำแก่ผู้สูงอายุเป็นกรณีพิเศษ
2. การได้รับข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของผู้สูงอายุ
3. การได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ของชมรมผู้สูงอายุเทศบาลเมืองชะอำ
4. การได้รับการยกเว้นค่าเข้าเชมสถานที่ของรัฐ  ตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ  พ.ศ. 2546
5. การได้รับการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี  2,000 บาท

Related posts